เผยผลการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตไทยช้ากว่ามาตรฐาน

เผยผลการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตไทยช้ากว่ามาตรฐาน




เผยผลการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตไทย Speed Test การอัพโหลดยังต่ำกว่าการดาวน์โหลดค่อนข้างมาก ขณะที่กทม.-ปริมณฑล เน็ตจะเร็วกว่าจังหวัดห่างไกล..

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน นายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย เปิดเผยว่า จากความร่วมมือระหว่าง สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย และสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) ในโครงการสำรวจและทดสอบคุณภาพความเร็วอินเทอร์เน็ตปี 2552 หรือ Speed Test ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.-30 พ.ย.2552 ผ่านเว็บไซต์ speedtest.or.th และเว็บไซต์อื่นๆ อาทิ Kapook.com , Pantip.com และ Dek-d.com พบว่า จากจำนวนทดสอบ 1,287,613 ครั้ง ภายในเวลา 99 วัน หรือคิดเป็นอัตราเฉลี่ย 13,006 ครั้งต่อวัน โดยเป็นผู้ให้บริการจาก TOT 34% , TRUE 25% , 3BB/Maxnet 17% และอื่นๆ 4% รวมทั้ง ไม่ระบุผู้ให้บริการอีก 20%

ผลการสำรวจระบุว่า ความเร็วในการดาวน์โหลดจะอยู่ที่ 34-83% ส่วนความเร็วในการอัพโหลดอยู่ที่ 10-75% ถือว่าความเร็วในการอัพโหลดต่ำกว่าการดาวน์โหลดค่อนข้างมาก โดยเฉพาะผู้ให้บริการรายใหญ่ โดยความเร็วอินเทอร์เน็ตใน กรุงเทพมหานคร (กทม.) ปริมณฑล และจังหวัดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจ จะมีคุณภาพดีกว่าจังหวัดเล็กและห่างไกล

นายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย กล่าวว่า โครงการดังกล่าวช่วยให้เกิดความสมดุลระหว่างผู้ให้บริการและผู้บริโภค โดยผู้ที่พบปัญหาจากการใช้งานสามารถร้องเรียนไปยัง สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) เพื่อแจ้งไปยังผู้ให้บริการและดำเนินการแก้ไขต่อไป ส่วนระยะเวลาดำเนินการทดสอบครั้งต่อไปนั้น เชื่อว่าจะสามารถทราบระยะเวลาที่แน่นอนได้ภายในเดือน ธ.ค.นี้ ด้านงบประมาณในการดำเนินงานคาดว่าจะอยู่ที่ 4 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเช่าเซิร์ฟเวอร์และดูแลระบบ รวมถึงการเดินสายภายในมหาวิทยาลัย เพื่อเพิ่มคุณภาพการให้บริการอินเทอร์เน็ต

ด้านนายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการ สบท. กล่าวว่า ขณะนี้ สบท.ประสานงานกับคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทช.) เพื่อจัดทำมาตรฐานในการให้บริการอินเทอร์เน็ต และข้อจำกัดที่ผู้ให้บริการกำหนดระยะเวลาการใช้ อาทิ ต้องใช้บริการนาน 6-12 เดือน ลูกค้าจึงสามารถยกเลิกสัญญาหรือเปลี่ยนโปรโมชันได้.

ที่มา : http://www.ohodownloads.com/software-news/internet-speed-test/

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

เผยผลการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตไทยช้ากว่ามาตรฐาน

เผยผลการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตไทยช้ากว่ามาตรฐาน


เผยผลการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตไทย Speed Test การอัพโหลดยังต่ำกว่าการดาวน์โหลดค่อนข้างมาก ขณะที่กทม.-ปริมณฑล เน็ตจะเร็วกว่าจังหวัดห่างไกล..

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน นายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย เปิดเผยว่า จากความร่วมมือระหว่าง สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย และสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) ในโครงการสำรวจและทดสอบคุณภาพความเร็วอินเทอร์เน็ตปี 2552 หรือ Speed Test ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.-30 พ.ย.2552 ผ่านเว็บไซต์ speedtest.or.th และเว็บไซต์อื่นๆ อาทิ Kapook.com , Pantip.com และ Dek-d.com พบว่า จากจำนวนทดสอบ 1,287,613 ครั้ง ภายในเวลา 99 วัน หรือคิดเป็นอัตราเฉลี่ย 13,006 ครั้งต่อวัน โดยเป็นผู้ให้บริการจาก TOT 34% , TRUE 25% , 3BB/Maxnet 17% และอื่นๆ 4% รวมทั้ง ไม่ระบุผู้ให้บริการอีก 20%

ผลการสำรวจระบุว่า ความเร็วในการดาวน์โหลดจะอยู่ที่ 34-83% ส่วนความเร็วในการอัพโหลดอยู่ที่ 10-75% ถือว่าความเร็วในการอัพโหลดต่ำกว่าการดาวน์โหลดค่อนข้างมาก โดยเฉพาะผู้ให้บริการรายใหญ่ โดยความเร็วอินเทอร์เน็ตใน กรุงเทพมหานคร (กทม.) ปริมณฑล และจังหวัดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจ จะมีคุณภาพดีกว่าจังหวัดเล็กและห่างไกล

นายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย กล่าวว่า โครงการดังกล่าวช่วยให้เกิดความสมดุลระหว่างผู้ให้บริการและผู้บริโภค โดยผู้ที่พบปัญหาจากการใช้งานสามารถร้องเรียนไปยัง สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) เพื่อแจ้งไปยังผู้ให้บริการและดำเนินการแก้ไขต่อไป ส่วนระยะเวลาดำเนินการทดสอบครั้งต่อไปนั้น เชื่อว่าจะสามารถทราบระยะเวลาที่แน่นอนได้ภายในเดือน ธ.ค.นี้ ด้านงบประมาณในการดำเนินงานคาดว่าจะอยู่ที่ 4 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเช่าเซิร์ฟเวอร์และดูแลระบบ รวมถึงการเดินสายภายในมหาวิทยาลัย เพื่อเพิ่มคุณภาพการให้บริการอินเทอร์เน็ต

ด้านนายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการ สบท. กล่าวว่า ขณะนี้ สบท.ประสานงานกับคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทช.) เพื่อจัดทำมาตรฐานในการให้บริการอินเทอร์เน็ต และข้อจำกัดที่ผู้ให้บริการกำหนดระยะเวลาการใช้ อาทิ ต้องใช้บริการนาน 6-12 เดือน ลูกค้าจึงสามารถยกเลิกสัญญาหรือเปลี่ยนโปรโมชันได้.

ที่มา : http://www.ohodownloads.com/software-news/internet-speed-test/

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

Google Chrome เบียด Safari เป็น Browser ยอดนิยมอันดับ 3

Google Chrome เบียด Safari เป็น Browser ยอดนิยมอันดับ 3




เวบบราวน์เซอร์จาก Google สามารถขึ้นนำแซงหน้าเวบบราวน์เซอร์จากค่าย Apple ได้เป็นผลสำเร็จ โดยคว้าตำแหน่งมาอยู่ในอันดับที่สามของการจัดอันดับเวบบราวน์เซอร์ที่มีผู้ ใช้งานมากที่สุด

โดยผลการจัด อันดับของ Net Applications ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เวบบราวน์เซอร์ Chrome สามารถเข้ามาอยู่ในตำแหน่งที่สามได้สำเร็จ ตามหลัง Internet Explorer และ Firefox ที่อยู่ในอันดับที่ 1 และ 2 โดยผลการสำรวจนี้ วัดจากจำนวนผู้ใช้งานในช่วงวันที่ 6 – 12 ธันวาคมที่ผ่านมา โดย Chrome มีผู้เข้าใช้งานทั้งสิ้นคิดเป็น 4.4 เปอร์เซ็นต์ นำหน้า Safari ที่มีผู้ใช้งาน 4.37 เปอร์เซ็นต์



ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากที่เมื่อเร็วๆนี้ทางต้นสังกัด Google ได้มีการส่ง Chrome ในเวอร์ชั่น beta สำหรับระบบปฏิบัติการ Mac OS X และ Linux ออกมา ทำให้ผู้ใช้งานมีความตื่นตัวและให้ความสนใจใน Chrome มากขึ้น ส่งผลให้มียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นตามมา โดยจากการติดตามเวบไซต์ประมาณ 40,000 เวบไซต์นั้น พบว่า 1.3 เปอร์เซ็นต์มาจากผู้ใช้งาน Chrome ใน Mac OS X ซึ่งจากช่วงระยะเวลาแค่เพียงไม่กี่วัน ก็ทำให้ Chrome มีผู้ใช้งานจาก Mac เพิ่มขึ้น 0.32 เปอร์เซ็นต์ สำหรับเวอร์เต็มนั้น ทางต้นสังกัดได้เล็งไว้ว่า จะทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการราวๆวันที่ 12 มกราคมนี้

ที่มา : http://www.ohodownloads.com/software-news/google-chrome-safari-browser/

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

Apple ฟ้องกลับ Nokia แถมเหน็บแนมว่าตกยุคและเลียนแบบ iPhone

Apple ฟ้องกลับ Nokia แถมเหน็บแนมว่าตกยุคและเลียนแบบ iPhone



จากข่าวล่าสุดร้อนๆ ที่แอปเปิลฟ้องโนเกียกลับฐานละเมิดสิทธิบัตร 13 รายการ (ดูข่าวเก่า) ตอนนี้มีรายชื่อสรุปออกมาแล้วครับ (ดูได้จากที่มา) นอกจากนี้แล้วในสำนวนส่งฟ้อง แอปเปิลยังได้มีข้อความเหน็บแนมโนเกีย โดย มีใจความสำคัญที่กล่าวถึงประวัติความสำเร็จของ iPod จนนำมาสู่ iPhone ของแอปเปิล และเปรียบเทียบกับการที่โนเกียยังเลือกที่จะอยู่ในโลกของโทรศัพท์ยุคเก่า และไม่เร็วพอที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงตามโลกได้ทัน จึงเลือกที่จะลอกเลียนดีไซน์และอินเตอร์เฟซ iPhone ของแอปเปิลแทน




ในสำนวนส่งฟ้อง ยังมีการอ้างถึงคำพูดของ Anssi Vanjoki ซึ่งเป็น Vice President และ General Manager of Multimedia ของโนเกียในงาน Nokia’s GoPlay เมื่อปี 2007 เมื่อถูกสัมภาษณ์ถึงเรื่อง iPhone ว่า “ถ้ามีอะไรที่ดีอยู่ในโลกนี้ เราก็จะลอกเลียนมันด้วยความภูมิใจ” (If there is something good in the world, we copy with pride.) โดยแอปเปิลได้นำข้อความนี้มาเพื่ออ้างถึงความตั้งใจของโนเกียในการลอกเลียน แบบ

ที่มา : http://www.ohodownloads.com

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

ProShow Gold โปรแกรมทำสไลด์โชว์สวยระดับเทพ



ProShow Gold โปรแกรมทำสไลด์โชว์สวยระดับเทพ
ProShow Gold 4.0 โปรแกรมทำสไลด์โชว์ที่จะเอารูปถ่ายของเรามาทำเป็นภาพแบบสไลด์โชว์ไว้ดูผ่านหน้าจอคอมพ์หรือหน้าจอทีวีก็ได้เพื่อ ความบันเทิงภายในบ้านแทนการเปิดอัลบั้มภาพแบบเก่าๆ ที่ดูได้เพียงไม่กี่คน โดยโปรแกรมนี้ใช้งานง่ายมากครับแต่ผลงานที่ออกมาสวยจนต้องอึ้งยังกับศิลปิน ทำเชียวแหละ.



Share your most precious memories with the award-winning ProShow Gold slide show software. Easily combine your photos, video clips, and music to create personalized slide shows to share with friends and family in your living room or across the world. See what’s new in 4.0.

ดาวน์โหลด : ProShow Gold 4.0
ลิงค์ : http://www.photodex.com
ที่มา : http://www.ohodownloads.com

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS



[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] รายงานข่าวล่าสุด กูเกิ้ล (Google) มีแผนที่จะจำหน่ายสมาร์ทโฟนให้กับผู้ใช้ทั่วโลกในปีหน้า (2010) ประเด็นที่น่าประหลาดใจก็คือ กลยุทธ์ของกูเกิ้ลโฟนก็คือ มันจะเป็นสมาร์ทโฟนที่ไม่ง้อผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ (Operator) เช่นเดียวกับบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นๆ ในท้องตลาด


กูเกิ้ลโฟนที่จะออกมามีชื่อเรียกว่า Nexus One ผลิตโดยบริษัท HTC โดยระบบปฏิบัติการที่ใช้จะเป็น "แอนดรอยด์" (Android 2.1) เช่นเดียวกับโมโตโรลา และมือถือจากผู้ผลิตอีกหลายราย ซึ่งทางกูเกิ้ลวางแผนที่จะจำหน่ายมือถือรุ่นนี้บนออนไลน์ ข้อมูลจากแหล่งข่าว งานนี้คาดว่า การใช้บริการจากโอเปอเรเตอร์์ ผู้ใบริโภคอาจจะต้องซื้อแยกต่างหากจากมือถือ

ดูเหมือนกลยุทธ์ของกูเกิ้ลจะเป็นการท้าทายผู้ให้บริการเครือข่ายสองรายยักษ์อย่าง Sprint และ Verizon รวมถึงการท้าชนไอโฟน (iPhone) ของแอปเปิ้ล (Apple) ซึ่งน่าจะเป็นครั้งแรกที่กูเกิ้ลคิดหารายได้จากการจำหน่ายอุปกรณ์ให้กับผู้บริโภคโดยตรง และไม่ใช่โฆษณาออนไลน์ แต่มันอาจจะดูช้าไปหรือเปล่าสำหรับการตัดสินใจครั้งนี้ของกูเกิ้ล อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เชื่อว่า กูเกิ้ลน่าจะใช้สมาร์ทโฟนของบริษัทเป็นช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าชั้นดี เพื่อแลกกับการขายโฆษณา (เพื่อเจาะใจลูกค้ากลุ่มนี้) มากกว่าหารายได้จากฮาร์ดแวร์เช่นเดียวกับโนเกีย หรือ RIM ปัจจุบันกูเกิ้ลได้ให้พนักงานในบริษัทได้ใช้กูเกิ้ลโฟนแล้ว

Update: ข้อมูลล่าสุดระบุว่า Nexus One จะวางตลาดมกราคม 2010 และจะไม่ขายผ่านโอเปอเรเตอร์รายใดรายหนึ่งเหมือนมือถือรุ่นอื่นๆ ทำงานด้วย Android 2.1 ผู้ที่ได้ใช้งานยังอ้างอีกว่า มันทำงานได้เร็วมากๆ โดยใช้ชิป Snapdragon ของ Qualcomm และหน้าจอระบบสัมผัส OLED ทีคมชัดด้วยความละเอียดสูง บางกว่า iPhone และไม่มีคีย์บอร์ด อีกทั้งยังมาพร้อมกับไมโครโฟน 2 ตัว โดยไมค์ที่เพิ่มขึ้นมาด้านหลังจะช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก และกล้องขนาดใหญ่ สำหรับใครที่ไม่ชอบพิมพ์สัมผัสบนหน้าจอ Nexus One (ชื่ออย่างเป็นทางการของกูเกิ้ลโฟน) ก็จะสามารถใช้คุณสมบัติ Vocie-to-Text หรือการสั่งให้พิมพ์ตามด้วยเสียงของคุณได้อีกด้วย

ข้อมูลจาก: QuickPWN



Tags: กูเกิ้ล โฟน google phone nexus one ข่าวไอที

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

Office 2010 (beta) ดาวน์โหลดได้แล้ว

Office 2010 (beta) ดาวน์โหลดได้แล้ว
[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] รายงานข่าวล่าสุด เมื่อวานนี้ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ได้ประกาศให้ผู้ใช้ทั่วโลกสามารถดาวน์โหลด Office 2010 เวอร์ชันทดลอง (Office 2010 beta) ไปใช้กันได้แล้ว โดยทางบริษัทคาดว่า น่าจะมีผู้ใช้ที่สนใจดาวน์โหลดไปลองใช้อย่างน้อย 1 ล้านราย
"ในกรณีที่คุณใช้ Office 2003 อยู่แล้วเกิดอยากลองใช้ Office 2010 คุณอาจจะรู้สึกว่า เหมือนเริ่มหัดใช้ซอฟต์แวร์กันใหม่เลยทีเดียว เนื่องจากส่วนติดต่อผู้ใช้ (User Interface) แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ถ้าคุ้นเคยกับ Office 2007 อยู่แล้ว คุณจะสามารถใช้ออฟฟิศรุ่นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว" Chris Capossela รองประธานอาวุโสแผนกธุรกิจของไมโครซอฟท์ กล่าว



เขายังกล่าวอีกด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงรอยต่อระหว่าง Office 2003 และ Office 2007 จะไม่ได้มีความแตกต่างของอินเตอร์เฟซมากนัก เมื่อขยับขึ้นมาใช้ Office 2010 แต่ผู้ใช้จะรู้สึกว่า มันใช้งานง่าย และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ลงตัวกว่าเดิมมาก นอกจากนี้ Capossela ยังเชื่ออีกด้วยว่า ผู้ใช้จะต้องรู้สึกตื่นเต้นกับคุณสมบัติใหม่ๆ มากมายทีมาพร้อมกับออฟฟิศ 2010 อย่างเช่น

* ฟังก์ชันใหม่สำหรับแก้ไขวิดีโอในสไลด์ของโปรแกรม PowerPoint
* ฟังก์ชันร่วมแก้ไขเอกสารใน Word ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สองคนสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงไฟล์เอกสารได้พร้อมกัน
* การ จัดการอีเมล์ใน Outlook และความสามารถในการผูกบัญชีผู้ใช้ Outlook เข้าไปในเว็บไซต์เครือข่ายสังคม (Social networks) ที่คุณชื่นชอบ

"นี่ ถือเป็นอีกหนึ่งหลักไมล์ของโปรแกรม Office ที่ใครก็สามารถใช้งาน และสนุกไปกับคุณสมบัติต่างๆ ของซอฟต์แวร์ได้อย่างครบครัน" Capossela กล่าว สำหรับกำหนดการวางตลาดของ Office 2010 จะอยู่ในช่วงประมาณกลางปี 2010

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS

Firefox ใช้ซีพียูมากไปจนโน้ตบุ๊กร้อน

Firefox ใช้ซีพียูมากไปจนโน้ตบุ๊กร้อน

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ไฟร์ฟอกซ์ (Firefox) บราวเซอร์ที่กำลังมาแรง ตกเป็นผู้ต้องหาที่ทำให้คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเน็ตบุ๊ก และโน้ตบุ๊กเกิดอาการร้อนเกิน (overheat) เนื่องจากการใช้พลังประมวลผลของซีพียูที่มากเกินไป (บ่อยครั้งขึ้นถึง 100%) นอกจากนี้ยังส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของคอมพิวเตอร์โดยรวมลดลงอีกด้วย

ใครที่กำลังสงสัยว่า ไฟร์ฟอกซ์มีการใช้พลังประมวลผลของซีพียูมากกว่าบราวเซอร์ตัวอื่น หรือเปล่า? โดยเฉพาะเวลาที่ดู Process ใน Task Manager ที่มันวิ่งชนเพดาน 100% ให้เห็นอยู่บ่อยๆ คุณไม่ใช่คนเดียวหรอกครับที่ได้รับรู้รับทราบในเรื่องนี้ ข้อมูลจากหน้าซัพพอร์ตในเว็บของโมซิลล่า (Mozilla) ภายใต้หัวข้อ "Firefox consumes a lot of CPU resources" ระบุว่า การทำงานของไฟร์ฟอกซ์ในบางครั้งอาจต้องมีการใช้ทรัพยากรจากซีพียูเป็นจำนวน มาก เพื่อดาวน์โหลด ตลอดจนกระบวนการทำงานต่างๆ เพื่อแสดงหน้าเว็บให้เสร็จสมบูรณ์อย่างรวดเร็ว ซึ่งการเพิ่มการใช้ซีพียูสามารถทำให้เกิดความร้อนเพิ่มขึ้นได้โดยตรง โดยเฉพาะในเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และเดสก์ทอปขนาดเล็ก
การ ใช้พลังประมวลผลของซีพียูมากเกินไปไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบให้อุณหภูมิของ ระบบเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่มันยังส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานด้วย ซึ่งปกติซ๊พียูจะถูกเรียกใช้งานจากทุกๆ กระบวนการทำงาน หรือโพรเซส (Process) ที่เกิดขึ้นบนคอมพิวเตอร์ รวมถึงโพรเซสที่มีการทำงานอยู่ด้านหลัง (background process) ที่ถูกสั่งให้ทำงานโดยระบบปฏิบัติการด้วย ดังนั้น เมื่อรวมการใช้พลังงานประมวลผลจากซีพียูของโอเอสกับแอพพลิเคชันต่างๆ ที่กำลังทำงานในขณะนั้น อย่างเช่น เว็บบราวเซอร์ ไอเอ็ม ซอฟต์แวร์วอยส์หรือวิดีโอแชต ซีพียูก็จะถูกใช้งานหนักขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับสมรรถนะการทำงานของคอมพิวเตอร์ ทำให้โพรเซสต่างๆ ที่มีการเรียกใช้งานตามมาทำงานได้ช้าลงกว่าเดิม
หน้าเว็บซัพพอร์ตของไฟร์ฟอกซ์พยายาม ให้เหตุผลต่างๆ มากมายถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการเพิ่มการใช้ซีพียูจากไฟร์ฟอกซ์ เช่น การใช้ซีพียูเพิ่มขึ้นอาจจะเกิดกับบางเว็บไซต์ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการเรียกใช้ปลั๊กอินบนหน้าเว็บนั้นๆ ก็ได้ อย่างเช่น Flash, Java หรือ Adobe Reader อย่างไรก็ตาม หากการใช้ซีพียูมากเกินปกติเกิดขึ้นในหลายๆ เว็บไซต์ที่เข้าไปเยี่ยมชม หรือทุกเว็บไซต์ หน้าเว็บซัพพอร์ตระบุว่า มันเป็นไปได้ที่จะเกิดจากการตั้งค่าการทำงานบางอย่างของคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ส่วนเสริมการทำงาน (Extensions) ของโปรแกรมก็เป็นตัวที่ใช้ซีพียู และหน่วยความจำ (memory) ของบราวเซอร์ด้วยเหมือนกัน ซึ่งการตั้งค่ากำหนดการทำงานของส่วนต่างๆ อย่างเช่น การเร่งความเร็วของฮาร์ดแวร์ของพอยน์เตอร์ของเมาส์ การตั้งค่า Windows Compatibility และอื่นๆ อีกมากมายที่สามารถเป็นสาเหตุที่ทำให้การใช้ซีพียูเพิ่มขึ้นได้ อธิบายมากมายจนถึงตรงนี้ คุณผู้อ่านคิดว่า Firefox เป็นตัวการสำคัญที่ใช้ซีพียูมากไปจนทำให้เครื่องร้อนจริงๆ หรือเปล่า? ใครทีมีประสบการณ์ร่วมกันแสดงความคิดเห็นกันได้เต็มที่เลยนะครับ

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • Twitter
  • RSS